วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Social Network

     Social Network

               คือสังคมที่อยู่บนการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Virtual Community โดยสมาชิกในกลุ่มไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น แต่มีหัวข้อความสนใจร่วมกัน มีบทสนทนาที่แสดงถึงแนวทางความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน ตัวอย่างเช่น กระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ นั่นถือเป็น Community ที่สมาชิกอาจไม่รู้จักกันจริงๆ อยู่ในสถานะของคนแปลกหน้าต่อกันโดย Turnover ของการเป็นสมาชิก อาจจะอยู่ในระดับสูง
ขอแนะนำ 10 อันดับ Social Network ที่ได้รับความนิยมในขณะนี้
 1. MySpace.com   2. FaceBook.com   3. Orkut.com       4. Hi5.com       5. Vkontakte.ru
 6. Friendster.com  7. SkyRock.com     8. PerfSpot.com  9. Bebo.com    10. Studivz.net
ประโยชน์และการใช้งาน
            สำหรับหลายคนที่รู้จักและใช้บริการอยู่คงจะไม่ต้องอธิบายกันมาก เพราะคงรู้จุดประสงค์และการใช้งานดีอยู่แล้ว แต่หลายๆคนยังไม่ทราบว่าเจ้า hi5 นี่ใช้งานยังไง มีทำไม และเพื่อประโยชน์อะไร
            Hi5.com เป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้ใช้บริการมาฝาก profile ของตัวเอง คล้ายๆกับ blog เนี่ยแหละ แต่ว่าคนไม่ค่อยไปเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในนั้นซะเท่าไหร่ จะเน้นที่ตกแต่งหน้าตา profile เราให้สวยงาม ดึงดูดคนมาเข้า แต่จุดเด่นของมันอยู่ที่ ระบบ network ที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือบังเอิญเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือเพื่อนของเพื่อน กิ้กเก่า แฟนเก่า .. แต่อีกหลายคนก็สมัครไปงั้นๆไม่ได้อะไรมากเพราะได้รับอีเมลชวนมาเล่น hi5 จากเพื่อน ...
ข้อดี
1. มีโอกาสได้เพื่อนใหม่ๆและ keep connect กับเพื่อนเก่าๆ ที่บางคนอาจจะเลือนหายไปกับความทรงจำ (แต่พอส่ง msg คุยกันก็ไม่รู้จะคุยไร เพราะมันห่างกันมานาน)
2. การเก็บรักษาความส่วนตัว ก็ใช้ได้ระดับหนึ่ง คือ ยังไงๆถ้าเราไม่บอก ไม่ว่าใครก็ไม่รู้อีเมลเรา แต่ถ้าอยากให้รู้ก็เขียนบอกไปเลยก็ได้ หรืออยากรู้ msn ใครก็แมสเสจไปหาเขาตรงๆ
3. วิธีการสมัครง่าย และวิธีการทำ hi5 ให้สวยงามก็ง่าย
4. ข้อดีก็เหมือน blog ทั่วไปๆแหละเพียงแต่คนเล่นนิยม เพราะมันดูทันสมัยและใช้งานง่าย
ข้อเสีย
1. มีการพัฒนาเวบ อาจจะล่มบางครั้ง
2. ใส่ลูกเล่นหรือปรับแต่งอะไรได้ไม่ค่อยเยอะ มันจะมี pattern อยู่แล้ว ก็จะปรับได้ส่วนของแบคกราวน์ สี font ตัวอักษร ใส่เพลง vdoclip ....
3. ไม่มีประโยชน์เท่าบล้อก เพราะคนเข้ามาดูรูปส่วนใหญ่
Friendster (www.friendster.com)
Friendster ได้ก้าวขึ้นมาสู่หัวแถวของ Social Network ในประมาณเดือนเมษายน ปี 2004 ก่อนจะถูกไล่แซงโดย My Space ในเรื่องของผู้เข้าชมและจากการจัดอันดับของ Nielsen//NetRatings Frienster ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่แข่งของทั้ง Windows Live Spaces, Yahoo! 360, และ Facebook ในเวลาต่อมาก็ยังมี Hi5 ก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญอีกด้วย
Google เคยยื่นข้อเสนอขอซื้อ Friendster ในมูลค่า 30,000,000 $ แต่ถูกปฏิเสธ เพราะทาง Friendster ตัดสินใจว่าต้องการเป็นของส่วนตัวมากกว่าที่จะยื่นขายให้กับ Google
            หลายท่านที่มีประสบการณ์การใช้งานคงจำได้นะครับ จู่ๆ เราก็ได้รับอีเมล์จากเพื่อนของเราบอกว่าเข้าไปสมัครบริการนี้สิ เราก็เข้าไป ลงทะเบียน ใส่ข้อมูลส่วนตัว เสร็จแล้วเราก็พบว่า เรามี เพื่อนอยู่ในระบบทันที 1 คน (คือคนที่ชวนเรามานั่นเอง) หลังจากนั้นก็เราก็ชักคิดถึงเพื่อนคนอื่นๆ ก็ค้นหาจากระบบดูว่ามีเพื่อนเราคงไหนอีกไหมที่ใช้เว็บนี้เหมือนๆ กัน ก็ไปชวนเข้ามาอยู่ในกลุ่มเพื่อนเรา ใครที่ไม่อยู่ เราก็ส่งอีเมล์ไปชวนให้มาเข้าระบบเสีย หลังจากนั้นเราก็อาจเริ่มรู้จักเพื่อนใหม่ๆ จากในระบบนี้เอง คงเป็นเพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมกระมังครับ เราถึงเสียเวลานั่งทำอะไรอย่างที่ว่าได้อย่างเพลิดเพลิน
และนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม Friendster.com ถึงมีผู้ใช้งานกว่า 7 ล้านคนภายในปีเดียว
        My Space (www.myspace.com)
My Space คือ เว็บบล็อก ที่ทาง msn ให้ผู้ที่ใช้ msn ได้เข้าไปใช้บริการกัน ก็มีคำถามต่ออีกว่า เจ้า webblog คืออะไร สำหรับ เจ้า Web Blog ผมอยากให้เรานึกง่ายๆ ว่ามัน คล้าย ไดอะรี่ แต่ไม่ใช่นะครับ ย้ำ ว่า บล็อก ไม่ใช่ ไดอะรี่ โดยบล็อกจะมีความหลากหลายมากกว่า เพราะในบล็อก ผู้ที่เป็นเจ้าของเนื้อที่นั้น จะเป็นผู้ที่ดูแลเนื้อหา ว่า จะให้เป็นแนวไหน หรือว่าจะเป็นเนื้อเรื่องอะไร ส่วนหลายคนเอามาเป็น ไดอะรี่ นั้น ผิดไหม คงไม่ผิด คือมันแล้วแต่ว่า ผู้ดูแลจะเป็นอย่างไร
ข้อดี
1. มีลูกเล่นค่อยข้างมากกว่าที่อื่นไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Layout, Music ,Photo เป็นต้น รวมทั้ง
2. มีการแสดงให้เห็นใน Contact list ของ MSN อีกด้วย (เป็นรูปดาวๆหน้าชื่อนั่นล่ะครับ )
3. สามารถกำหนดสิทธิคนที่จะเข้าดูได้หลายระดับ
ข้อเสีย
1. เปิดดูได้ช้ามาก ยิ่งเน็ต 56K คงแทบหมดสิทธิ หากบล็อกมีลูกเล่นเยอะ
2. ยังไม่สามารถใส่พวก script แบบไดอารี่ หรือ บล็อกในหลายๆ ที่ได้ (อันนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่สำหรับผม)
3. การเลือกจำนวนของ Entry หรือบทความที่จะแสดงในหน้าแรกของบล้อก ได้ต่ำสุดที่ 5 ดังนั้นใครที่นิยมเขียนอะไรยาวๆ ทำใจได้เลยครับว่า หน้าแรกของบล็อก คุณจะยาวสุดกู่เลยล่ะครับ สุดท้ายคือ
4. ความสามารถ ในส่วนของการกำหนดขนาดตัวอักษร ซึ่งผม ยังหาไม่เจอว่า มีการให้ใส่หรือ เลือกขนาดตัวอักษรสำหรับบทความได้ในจุดไหน ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามีความสำคัญทีเดียว การเล่นตัวอักษร เล็กใหญ่ มันช่วยเน้นข้อความและทำให้อ่านได้ง่ายขึ้น สรุปใจความได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องอ่านทั้งหมด ก็ได้ซึ่ง การเล่นสีและตัวหนา เพียงอย่างเดียว มันยังไม่มากพอครับ

WebBoard



               คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนา เป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoard อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBook ตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System) ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internet จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น WebBoard ที่พบเห็นกัน มีอยู่หลายรูปแบบ สำหรับโปรแกรม D'Board ที่เปิดให้ใช้บริการนี้ จะเป็น WebBoard ในลักษณะเดียว (รูปแบบคล้าย) กับที่ใช้ใน pantip.com
การใช้งาน
    ข้อดีของการใช้ Webboard
    * เป็นช่องทางในการติดต่อ ประกาศข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
    * ทำให้เกิดสังคม ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างกลุ่มผู้เยี่ยมชม
    * ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถใช้เป็นช่องทางในการ ประกาศข่าวใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นได้
    * ง่ายในการใช้งาน แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เมื่อเทียบกับการใช้ Mailing list หรือ News Group
     ข้อดีของการใช้ D'Board
    * ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม CGI script
    * ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม CGI script ใน Server เอง
    * สามารถนำไปใช้ได้ แม้ว่า Server ของคุณจะไม่อนุญาตให้ติดตั้ง CGI script ได้เอง
    * สามารถกำหนดรูปแบบ ของหน้าต่างๆ ของ WebBoard ของคุณได้เอง โดยผ่านระบบการจัดการที่เตรียมไว้ให้
    * สามารถใช้ HTML code แตกหน้าตา หน้าต่างๆของ WebBoard ของคุณได้ (รวมถึง Java และ Javascript ด้วยเช่นกัน)
    * สามารถลบ และแก้ไข ข้อความ ที่มีผู้มาลงไว้ใน WebBoard ได้
    * สามารถใช้งานได้ ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นด้วยเวลาไม่ถึง 3 นาที ในการกรอกแบบฟอร์ม สมัครเป็นสมาชิก คุณก็สามารถ นำ WebBoard ของคุณไปใช้งาน ในโฮมเพจหรือเวปไซต์ ของคุณได้ทันที
    * และอื่นๆ...

ประโยชน์ของwebboard
      เนื่องจาก Webboard เป็น Web 2.0 ถึงสามารถติดต่อได้และแก้ไขเพิ่มเติมได้ ทั้ง Admin และ User อยู่ที่สิทธิการใช้งานของแต่ละคนเท่านั้น ข้อดีของ Webboard มีมากมายครับ ถ้าเขาไปใช้ให้ถูกงาน และ ใช้ให้เกิดประโยชน์  
     ประโยชน์ของ Webboard นั้นสามารถใช้ Post ข้อความ ในองค์กร หรือ จะเป็นการส่งข้อมูล ฝากไฟล์ ฝากรูป อะไรก็ได้ครับที่ต้องการให้คนหลายๆๆคนได้รับรู้  เป็นการซื้อขาย ก็มีอยู่เยอะนะครับ อีกอย่างเป็นข้อดีด้วยครับ เพราะ Webboard ไม่ได้ปิดกั้น หรือ บังคับพื้นที่การบรรยาย หรือเราจะนั้ง พิมนิยายสักเรื่องให้ใครอ่านก็ไม่ผิดนะครับ เพราะบางอย่างมันมากมายถ้าส่งอีเมลไปก็จะได้รับแค่เพื่อนเรา เราจะรอแต่ให้ Forward ไป เดี๋ยวมันก็กลับมาหาเราอีก  และ Webboard ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ซึ่งบางครั้งผมก็คิดไม่ถึงครับผม อยู่ที่ไอเดียความคิดของแต่ระท่านเองครับ

Msn Chat



              เป็นโปรแกรมอินสแตนท์เมสเซนเจอร์ (Instant Messenger คือ โปรแกรมส่งข้อความข้ามระบบเครือข่ายแบบทันทีทันใด หรือ IM) จากบริษัทไมโครซอฟท์  หรือที่คนไทยเรียกสั้น ๆ ว่า "เอ็มเอสเอ็น" หรือ "เอ็ม"  ปัจจุบันสามารถส่งสื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากข้อความ เช่น วีดีโอ, เสียง แบบทันทีทันใด นอกเหนือไปจากการส่งไฟล์ข้อมูล เช่น ไฟล์เอกสารเวิร์ด ไฟล์เพลง หรือไฟล์ประเภทอื่น ๆ ผ่านทาง MSN ได้อีกด้วยคะ
ประโยชน์และการใช้งาน
1.   ก่อนอื่นคุณต้องมี Email Address ที่นามสกุล hotmail หรือ msn ก้อด้ายนะ ( ถ้าไม่มีไปสมัครที่ http://www.hotmail.com )
2.   เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ให้ login เข้าไปในหน้าสำหรับเช็คเมล์
3.  คลิ๊กที่ Home สังเกตขวามือจะเห็นรูปผีเสื้อตัวโตๆๆ เขียนว่า msn..
4. ให้คลิ๊กเข้าไป แล้วดาวโหลดโปรแกรม msn ตามขั้นตอน
5. หลังจากดาวโหลดเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านสังเกตมุมด้านล่างขวามือสุด ท่านจะเห็น ตัวตุ๊กตาสีเขียว มีเครื่องหมายกากบาท….. สีแดง
6.ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูน
7. จะขึ้นหน้าจอ MSN Messenger
8.ให้คลิ๊กที่ "Click here to sign-in"
9. จะขึ้นกรอบสีน้ำตาล ให้ท่านกรอกรายละเอียด
Sign-in name…………………ให้กรอก email address ของท่าน
Password ……………………..ให้กรอก Password ของท่าน
แล้วคลิ๊ก OK
10. เครื่องจะทำการ singin เข้าระบบให้ เมื่อเข้าระบบเรียบร้อยแล้ว สังเกตตัวการ์ตูนที่มุมขวาล่างจะไม่มี กากบาท สีแดง แล้ว

11. ต่อจากขั้นตอนที่ 10 นะเราจะอยู่ที่หน้า MSN Messenger
12. มาที่เมนู Tools เลือก Add a Contact คลิ๊ก Next….ใส่ e-mail address ของเพื่อนเราหรือคนที่เราต้องการคุยด้วย
13. คลิ๊ก Next อีกครั้ง จากนั้นคลิกที่ Finish (((((( เสร็จกระบวนการ )))))))
14. ในหน้า msn Messenger หลังจาก add คนที่เราต้องการคุยด้วยหรือเพื่อนของเรา เรียบร้อยแล้ว ให้สังเกตที่ชื่อของคนที่เรา add
- ถ้าเค้าออนไลน์ ตัวการ์ตูนจะเป็น สีเขียว
- ถ้าเค้าไม่ออนไลน์ ตัวการ์ตูนจะเป็น สีแดง
15. ถ้าเราเห็นตัวการ์ตูนเป็น สีเขียว ที่ชื่อของเพื่อนเราคนไหน ถ้าเราต้องการคุยด้วยให้ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ตัวการ์ตูนได้เลย
16. จะมีหน้าต่างอันใหม่ปรากฎขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มการสนทนาได้ตามอัธยาศัย
17.   สำหรับเทคนิคและวิธีการอื่นๆ ก็ค่อยๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วกันนะครับ
( เราเชื่อว่าคงไม่เกินความสามารถของคุณ...คุณทำได้ )

you tube



             เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยนำเทคโนโลยีของ Adobe Flash มาใช้ในการแสดงภาพวิดีโอ ซึ่งยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลดคลิปที่มีภาพโป๊เปลือยและคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกเสียจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง 
เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดูด้วย  แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้  แม้จะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน (youtube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) Youtube เติบโตอย่างรวดเร็วมาก เป็นที่รู้จักันแพร่หลายและได้รับความนิยมทั่วโลก ต่อมาปี ค.ศ.2006 กูเกิ้ลซื้อยูทูบ ตอนนี้ยูทูบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิ้ลแล้ว
ประโยชน์ของ youtube
1.   เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ข้อมูลต่างๆซึ่งสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น การสอน      การแต่งหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำความเข้าใจยาก ถ้าศึกษาจากหนังสือหรือนิตยสาร เราก็ไม่สามารถเห็นการลงมือปฏิบัติแต่งหน้าที่ชัดเจน เช่นการเลือกสี การลงสี และน้ำหนักหนัก-เบา แต่การศึกษาจาก youtube เราสามารถทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
2.    เป็นแหล่งรวมความบันเทิง เช่น เพลง มิวสิควิดีโอ เป็นต้น
3.    เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ศึกษาการทดลองทางวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก เช่น การทดลองทางด้านbiological molecular ได้แก่ การทำ PCR , พันธุวิศวกรรม เป็นต้น
4.    สามารถทำให้เราติดตามดูละคร หรือรายการทีวีย้อนหลังได้ เช่นละครเนื้อคู่อยากรุ้ว่าใคร ตอนที่ 26 , WooDy Talk 25Jul10 1/4 อ้วน รีเทิร์น
วิธีการใช้งาน
การติดตั้ง
1.   เมื่อเปิดหน้าแรกของ http://www.youtube.com มานั้น สังเกตที่ด้านมุมขวาบน จะพบกับคำว่า sign in (วงกลมสีแดง) คลิ๊กเข้าไป
2.  จะเห็นคำว่า Sign up for Youtube! ทางด้านล้างขวา
3.  จะพบกับหน้าสำหรับกรอกข้อมูลส่วนตัว เราสามารถเช็คว่า username ที่ใช้ผ่านหรือไม่ โดยคลิ๊กที่คำว่า Check Availablility ส่วนวงกลมหมายเลข 1 คือ เงื่อนไขการใช้ของเว็บนี้ เราควรจะต้องอ่านเงื่อนไขก่อนใช้ พอกรอกข้อมูลและอ่านเงื่อนไขทั้งหมดแล้วก็คลิ๊กที่ I accept (วงกลมหมายเลข 2)
4. ถ้าเรามี Google account อยู่แล้ว เราสามารถเพิ่มบัญชี Youtube ได้โดย กรอกข้อมูลในหมายเลข 1 แต่ถ้าเราต้องการเพิ่มบัญชีใหม่ ก็ให้กรอกข้อมูลในหมายเลข 2 แล้วก็คลิ๊กที่วงกลมหมายเลข 3
5. เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เราต้องไปยืนยันการสมัครที่เมล์ที่เราได้กรอกไว้ เราจะสังเกตเห็นว่า บริเวณวงกลมสีแดงจะเป็นชื่อ Username ของเรานะคับ ก็เป็นการเสร็จสิ้นแล้ว
การค้นหาคลิป 
1.  เข้าหน้าเวป www.youtube.com
2.  พิมพ์ข้อความที่ต้องการจะค้นหาในช่อง serch พิมพ์แค่ คีย์เวิร์ดก็จะมีคำที่ไกล้เคียง ถ้ามีคำที่ต้องการก็กดเลือกได้เลยแต่ถ้าไม่มีก็พิมต่อจนครบคำแล้วกด serch
3 เข้าสู่หน้าเวปจะมีคลิปที่มีคำไกล้เคียงคีย์เวิร์ดออกมาให้เลือก คุณสามารถเลือกคลิปที่คุณต้องการได้
การดาวโหลดวีดีโอ
1.      คลิ๊กที่ Upload (วงกลมสีแดง) เพื่อที่จะอัพโหลดคลิปวิดีโอสู่โลกอินเตอร์เนตนะคับนะ
2.      ถ้าเราต้องการอัพโหลดโดยตรงจากไฟล์วีดีโอที่มีอยู่ในเครื่องให้ คลิ๊กที่ Upload video ( วงกลมสีแดง ) แต่ถ้าต้องการอัพโหลดสดๆ ผ่าน webcam ให้คลิ๊ก Record from webcam(เส้นใต้สีแดง)
3.      ถ้า Record from webcam ก็จะพบกับหน้านี้ ถ้าจะเริ่มอัดก็คลิ๊กที่ Ready to Record ได้เลยคับ
การแสดงความคิดเห็น
1.เมื่อชมคลิปจบเราอาจแสดงความคิดเห็น หรือความรู้สึกที่ได้จาการชมคลิป
2.สังเกตุกล่องข้อความข้างล่างคลิป
3.พิมพ์แสดงความคิดเห็น
4.คลิกคำว่า Post